วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2562

ทำความรู้จักระบบ IA ปัญญาประดิษฐ์


ทำความรู้จักระบบ IA ปัญญาประดิษฐ์
AI (เอไอ) คืออะไร วิธีการทำให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถคล้ายมนุษย์
AI : Artificial Intelligence (อาร์ตทิฟิคอล อินทอลนิจิน) หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถคล้ายมนุษย์หรือเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ คือโปรแกรม Software (ซอฟแวร์)ต่าง ๆ ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะความสามารถในการคิดเองได้ หรือมีปัญญานั่นเอง ปัญญานี้มนุษย์เป็นผู้สร้างให้คอมพิวเตอร์ จึงเรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์
แนวคิด
แนวคิดเรื่องเครื่องจักรที่คิดได้และสิ่งมีชีวิตเทียมนั้นมีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ เช่นหุ่นยนต์ทาลอสแห่งครีต อันเป็นหุ่นยนต์ทองแดงของเทพฮิฟีสตัส แหล่งอารยธรรมใหญ่ ๆ ของโลกมักจะเชื่อเรื่องหุ่นยนต์ที่มีความคล้ายกับมนุษย์ เช่น ในอียิปต์และกรีซ ต่อมา ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 และ 20 สิ่งมีชีวิตเทียมเริ่มปรากฏอย่างแพร่หลายในนิยายวิทยาศาสตร์ เช่น แฟรงเกนสไตน์ของแมรี เชลลีย์ หรือ R.U.R.ของกาเรล ชาเปก แนวคิดเหล่านี้ผ่านการอภิปรายมาอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในแง่ของความหวัง ความกลัว หรือความกังวลด้านศีลธรรมเนื่องจากการมีอยู่ของปัญญาประดิษฐ์
กลไกหรือการให้เหตุผลอย่างมีแบบแผน ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยนักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโบราณ การศึกษาด้านตรรกศาสตร์นำไปสู่การคิดค้นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ดิจิทัลที่โปรแกรมได้โดยอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์ของแอลัน ทัวริงและคนอื่น ๆ ทฤษฎีการคำนวณของทัวริงชี้ว่า เครื่องจักรที่รู้จักการสลับตัวเลขระหว่าง 0 กับ 1 สามารถเข้าใจนิรนัยทางคณิตศาสตร์ได้ หลังจากนั้น การค้นพบทางด้านประสาทวิทยา ทฤษฎีสารสนเทศ และไซเบอร์เนติกส์ รวมทั้งทฤษฎีการคำนวณของทัวริง ได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มเริ่มสนใจพิจารณาความเป็นไปได้ของการสร้าง สมองอิเล็กทรอนิกส์ ขึ้นมาอย่างจริงจัง
สาขาปัญญาประดิษฐ์นั้นเริ่มก่อตั้งขึ้นในที่ประชุมวิชาการที่วิทยาลัยดาร์ตมัธ สหรัฐอเมริกาในช่วงหน้าร้อน ค.ศ. 1956[2] โดยผู้ร่วมในการประชุมครั้งนั้น ได้แก่ จอห์น แม็กคาร์ธีย์ มาร์วิน มินสกี อัลเลน นิวเวลล์ อาเธอร์ ซามูเอล และเฮอร์เบิร์ต ไซมอน ที่ได้กลายมาเป็นผู้นำทางสาขาปัญญาประดิษฐ์ในอีกหลายสิบปีต่อมา นักวิทยาศาสตร์และนักศึกษาของพวกเขาเหล่านี้เขียนโปรแกรมที่หลายคนทึ่ง ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ที่สามารถเอาชนะคนเล่นหมากรุก แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคำด้วยพีชคณิต พิสูจน์ทฤษฎีทางตรรกวิทยา หรือแม้กระทั่งพูดภาษาอังกฤษได้ ผู้ก่อตั้งสาขาปัญญาประดิษฐ์กลุ่มนี้เชื่อมั่นในอนาคตของเทคโนโลยีใหม่นี้มาก โดยเฮอร์เบิร์ต ไซมอนคาดว่าจะมีเครื่องจักรที่สามารถทำงานทุกอย่างได้เหมือนมนุษย์ภายใน 20 ปีข้างหน้า และมาร์วิน มินสกีก็เห็นพ้องโดยการเขียนว่า "เพียงชั่วอายุคน ปัญหาของการสร้างความฉลาดเทียมจะถูกแก้ไขอย่างยั่งยืน"
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้กลับไม่ได้พิจารณาถึงความยากของปัญหาที่จะพบมากนัก ในปี ค.ศ. 1974 เซอร์ เจมส์ ไลท์ฮิลล์ ได้เขียนวิพากษ์วิจารณ์สาขาปัญญาประดิษฐ์ ประกอบกับมีแรงกดดันจากสภาคองเกรสของสหรัฐฯให้ไปให้เงินสนับสนุนโครงการมีผลผลิตออกมาเป็นรูปธรรมมากกว่า ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรจึงได้ตัดงบประมาณการวิจัยที่ไร้ทิศทางของสาขาปัญญาประดิษฐไป จนเป็นยุคที่เรียกว่า หน้าหนาวของปัญญาประดิษฐ์ (AI winter) กินเวลาหลายปี ซึ่งโครงการด้านปัญญาประดิษฐ์แต่ละโครงการนั้นหาเงินทุนสนับสนุนยากมาก
ในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 งานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก ด้วยระบบที่ชื่อว่า ระบบผู้เชี่ยวชาญ อันเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการหาคำตอบ อธิบายความไม่ชัดเจน ซึ่งปกตินั้นจะใช้ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาตอบคำถามนั้น ในปี ค.ศ. 1985 ตลาดของปัญญาประดิษฐ์ทะยานขึ้นไปแตะระดับ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน โครงการคอมพิวเตอร์รุ่นที่ 5 ของญี่ปุ่นก็ได้จุดประกายให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรหันมาให้เงินทุนสนับสนุนงานวิจัยในสาขาปัญญาประดิษฐ์อีกครั้ง
ในคริสต์ทศวรรษ 1990 และช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ปัญญาประดิษฐ์ประสบความสำเร็จอย่างสูงแม้ว่าจะมีหลายอย่างที่อยู่เบื้องหลัง มีการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในด้านการขนส่ง การทำเหมืองข้อมูล การวินิจฉัยทางการแพทย์ และในอีกหลายสาขาหลายอุตสาหกรรม ความสำเร็จของปัญญาประดิษฐ์นั้นได้รับการผลักดันมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเรื่องของความเร็วของคอมพิวเตอร์ที่มีการประมวลผลที่เร็วขึ้น (ตามกฎของมัวร์) การให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาย่อยบางปัญหา การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างปัญญาประดิษฐ์กับสาขาอื่น ๆ ที่ทำงานอยู่กับปัญญาที่คล้าย ๆ กัน ตลอดจนความมุ่งมั่นของนักวิจัยที่ใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่มีหลักการ
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 เครื่องดีปบลูของบริษัทไอบีเอ็ม กลายมาเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่สามารถเล่นหมากรุกเอาชนะ แกรี คาสปารอฟ แชมป์โลกในขณะนั้นได้ และในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 เครื่องวัตสันของบริษัทไอบีเอ็มก็สามารถเอาชนะแชมป์รายการตอบคำถามจีโอพาร์ดีได้แบบขาดลอย นอกจากนี้ เครื่องเล่นเกมอย่าง Kinect ก็ใช้เทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์ มาใช้ในการสร้างส่วนติดต่อกับผู้ใช้ผ่านทางการเคลื่อนไหวร่างกายใน 3 มิติเช่นกัน
นิยามของปัญญาประดิษฐ์
มีคำนิยามของปัญญาประดิษฐ์มากมายหลากหลาย ซึ่งสามารถจัดแบ่งออกเป็น 4 ประเภทโดยมองใน 2 มิติ ได้แก่

ระหว่าง นิยามที่เน้นระบบที่เลียนแบบมนุษย์ กับ นิยามที่เน้นระบบที่ระบบที่มีเหตุผล (แต่ไม่จำเป็นต้องเหมือนมนุษย์)
ระหว่าง นิยามที่เน้นความคิดเป็นหลัก กับ นิยามที่เน้นการกระทำเป็นหลัก
ปัจจุบันงานวิจัยหลัก ๆ ของปัญญาประดิษฐ์จะมีแนวคิดในรูปที่เน้นเหตุผลเป็นหลัก เนื่องจากการนำปัญญาประดิษฐ์ไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหา ไม่จำเป็นต้องอาศัยอารมณ์หรือความรู้สึกของมนุษย์ อย่างไรก็ตามนิยามทั้ง 4 ไม่ได้ต่างกันโดยสมบูรณ์ นิยามทั้ง 4 ต่างก็มีส่วนร่วมที่คาบเกี่ยวกันอยู่


หุ่นยนต์ของฮอนด้า ที่รู้จักดีในด้านปัญญาประดิษฐ์
นิยามดังกล่าวคือ

ระบบที่คิดเหมือนมนุษย์ (Systems that think like humans)
ปัญญาประดิษฐ์ คือ ความพยายามใหม่อันน่าตื่นเต้นที่จะทำให้คอมพิวเตอร์คิดได้ซึ่งเครื่องจักรที่มีสติปัญญาอย่างครบถ้วนและแท้จริง ("The exciting new effort to make computersinds, in the full and literal sense." [Haugeland, 1985])
ปัญญาประดิษฐ์ คือ กลไกของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความคิดมนุษย์ เช่น การตัดสินใจ การแก้ปัญหา การเรียนรู้ ("[The automation of] activities that we associate with human thinking, activities such as decision-making, problem solving, learning." [Bellman, 1978])
หมายเหตุ ก่อนที่จะทำให้เครื่องคิดอย่างมนุษย์ได้ ต้องรู้ก่อนว่ามนุษย์มีกระบวนการคิดอย่างไร ซึ่งการวิเคราะห์ลักษณะการคิดของมนุษย์ เป็นศาสตร์ด้าน cognitive science เช่น ศึกษาการเรียงตัวของเซลล์สมองในสามมิติ ศึกษาการถ่ายเทประจุไฟฟ้า และวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางเคมีไฟฟ้าในร่างกาย ระหว่างการคิด ซึ่งจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2548) เราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า มนุษย์เรา คิดได้อย่างไร
ระบบที่กระทำเหมือนมนุษย์ (Systems that act like humans)
ปัญญาประดิษฐ์ คือ วิชาของการสร้างเครื่องจักรที่ทำงานในสิ่งซึ่งอาศัยปัญญาเมื่อกระทำโดยมนุษย์ ("The art of creating machines that perform functions that requires intelligence when performed by people." [Kurzweil, 1990])
ปัญญาประดิษฐ์ คือ การศึกษาวิธีทำให้คอมพิวเตอร์กระทำในสิ่งที่มนุษย์ทำได้ดีกว่าในขณะนั้น ("The study of how to make computers do things at which, at the moment, people are better." [Rich and Knight, 1991])
หมายเหตุ การกระทำเหมือนมนุษย์ เช่น
สื่อสารได้ด้วยภาษาที่มนุษย์ใช้ เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ตัวอย่างคือ การแปลงข้อความเป็นคำพูด และ การแปลงคำพูดเป็นข้อความ
มีประสาทรับสัมผัสคล้ายมนุษย์ เช่น คอมพิวเตอร์รับภาพได้โดยอุปกรณ์รับสัมผัส แล้วนำภาพไปประมวลผล
เคลื่อนไหวได้คล้ายมนุษย์ เช่น หุ่นยนต์ช่วยงานต่าง ๆ อย่างการ ดูดฝุ่น เคลื่อนย้ายสิ่งของ
เรียนรู้ได้ โดยสามารถตรวจจับรูปแบบการเกิดของเหตุการณ์ใด ๆ แล้วปรับตัวสู่สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้
ระบบที่คิดอย่างมีเหตุผล (Systems that think rationally)
ปัญญาประดิษฐ์ คือ การศึกษาความสามารถในด้านสติปัญญาโดยการใช้โมเดลการคำนวณ ("The study of mental faculties through the use of computational model." [Charniak and McDermott, 1985])
ปัญญาประดิษฐ์ คือ การศึกษาวิธีการคำนวณที่สามารถรับรู้ ใช้เหตุผล และกระทำ ("The study of the computations that make it possible to perceive, reason, and act" [Winston, 1992])
หมายเหตุ คิดอย่างมีเหตุผล หรือคิดถูกต้อง เช่น ใช้หลักตรรกศาสตร์ในการคิดหาคำตอบอย่างมีเหตุผล เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญ
ระบบที่กระทำอย่างมีเหตุผล (Systems that act rationally)
ปัญญาประดิษฐ์คือการศึกษาเพื่อออกแบบเอเจนต์ที่มีปัญญา ("Computational Intelligence is the study of the design of intelligent agents" [Poole et al., 1998])
ปัญญาประดิษฐ์ เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่แสดงปัญญาในสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ("AI ... is concerned with intelligent behavior in artifacts" [Nilsson, 1998])
หมายเหตุ กระทำอย่างมีเหตุผล เช่น เอเจนต์ (โปรแกรมที่มีความสามารถในการกระทำ หรือเป็นตัวแทนในระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ) สามารถกระทำอย่างมีเหตุผลเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ เช่น เอเจนต์ในระบบขับรถอัตโนมัติ ที่มีเป้าหมายว่าต้องไปถึงเป้าหมายในระยะทางที่สั้นที่สุด ต้องเลือกเส้นทางที่ไปยังเป้าหมายที่สั้นที่สุดที่เป็นไปได้ จึงจะเรียกได้ว่า เอเจนต์กระทำอย่างมีเหตุผล อีกตัวอย่างเช่น เอเจนต์ในเกมหมากรุก ที่มีเป้าหมายว่าต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ ก็ต้องเลือกเดินหมากที่จะทำให้คู่ต่อสู้แพ้ให้ได้ เป็นต้น
งานวิจัย

วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

โครงงานอาชีพ กลุ่ม 1


โครงงานเรื่อง...ข้าวเหนียว หมูปิ้ง
จัดทำโดย
เด็กหญิง มณฑกา โมราขาว เลขที่ 17
เด็กหญิง สุมินตรา ไกรสร เลขที่ 20
                                 เด็กชาย ธนวัฒน์ พรมแพร เลขที่ 13       
                               เด็กชาย วรุต น้อยทอง เลขที่ 2                              
                                     ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ครูที่ปรึกษา
ครู ทองเหรียญ กลิ่นแย้ม
ครู น้ำค้าง เคียงข้าง
โรงเรียนบ้านวังอ้อ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1






                                         

                                              บทคัดย่อ
ในยามเช้าที่เร่งรีบนั้น หลายคนเลือกที่จะรับประทานข้าวเหนียวหมูปิ้ง เป็นอาหารมื้อเช้า เพราะว่าทั้งสะดวก หาซื้อง่ายรับประทานงานไม่เสียเวลา ในข้าวเหนียวนั้นจะมี กลูเตน(Gluten) หรือไฟเบอร์เยอะกว่าข้าวขัดในโจ๊ก มีธาตูเหล็ก และกรดโฟลิกมีสรรพคุณในการสร้างเม็ดเลือด ทำให้เม็ดเลือดสมบูรณ์ นอกจากนี้ข้าวเหนียวยังอุดมไปด้วยวิตามินอี มีสรรพคุณ ช่วยป้องกันหลอดเลือดหัวใจตีบ ป้องกันปัญหาวุ้นนัยน์ตาเสื่อมอีกด้วย


กิตติกรรมประกาศ
ดิฉันขอขอบคุณเว็บไชต์ต่างๆและผู้ปกครองช่วยแนะนำในการทำข้าวเหนียวหมูปิ้ง และขอขอบพระคุณครูที่ปรึกษาที่ให้คำแนะนำเรื่องการทำข้าวเหนียวหมูปิ้ง

คำนำ
โครงงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเอกสารนำเสนอผลการดำเนินงานในการทำโครงงานในรายวิชาการงานอาชีพ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในหัวข้อเรื่อง ข้าวเหนียว หมูปิ้ง
คณะผู้จัดทำหวังว่าโครงงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาความรู้ หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
คณะผู้จัดทำ


สารบัญ

บทคัดย่อ                                                                                                                    
กิตติกรรมประกาศ                                                                             
คำนำ                                                                                                                                                                       
สารบัญ                                                                                            
บทที่1     บทนำ                                                                                 1
             ที่มาและความสำคัญของโครงงาน                                               1                                                     
             วัตถุประสงค์                                                                         1
             สมมติฐานการศึกษาค้นคว้า                                                       1
บทที่2     เอกสารที่เกี่ยวข้อง                                                                   2
บทที่3     อุปกรณ์และวิธีการศึกษาค้นคว้า                                                  4
             อุปกรณ์และวัตถุที่ใช้ในการศึกษา                                                 5
             วิธีการศึกษา                                                                          5
บทที่4     ผลการศึกษาและอภิปรายผลการศึกษา                                          6
บทที่5     สรุปผลการศึกษา                                                                     7
            ประโยชน์ที่ได้รับ                                                                       7
            ข้อเสนอแนะ                                                                            8
            บรรณานุกรม                                                                           9


บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
    กลุ่มข้าพเจ้าได้สนใจในเรื่องการทำข้าวเหนียวหมูปิ้งและเครปเย็นเพราะข้าวเหนียวหมูปิ้งเป็นอาหารที่หาซื้อง่ายรับประทานง่าย สะดวก ไม่เสียเวลา ในข้าวเหนียวนั้นจะมี กลูเตน(Gluten) หรือไฟเบอร์เยอะกว่าข้าวขัดในโจ๊ก มีธาตุเหล็ก และกรดโฟลิกมีสรรพคุณในการสร้างเม็ดเลือด ทำให้เม็ดเลือดสมบูรณ์ นอกจากนี้ข้าวเหนียวยังอุดมไปด้วยวิตามินอี มีสรรพคุณ ช่วยป้องกันหลอดเลือดหัวใจตีบ ป้องกันปัญหาวุ้นนัยน์ตาเสื่อมอีกด้วย กลุ่มของข้าพเจ้าจึงได้ทำโครงงานข้าวเหนียวหมูปิ้งขึ้น
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1.เพื่อได้เรียนรู้การทำงานเรื่องข้าวเหนียวหมูปิ้ง
2.เพื่อฝึกความสามัคคีในกลุ่ม
3.นำข้อมูลส่งอาจารย์ผู้สอน
4.เพื่อฝึกการทำงาน
สมมติฐานการศึกษา
หวังว่าจะได้ประโยชน์จาการทำโครงงาน เพื่อนำไปประกอบอาชีพในอนาคต




บทที่ 2
การศึกษาเอกสารอ้างอิง
              ข้าวเหนียว        Glutinous rice
              ชื่อวิทยาศาสตร์     Oryza sativa var glutinosa
ข้าวเหนียว  เป็นข้าวที่มีลักษณะเด่นคือการติดกันเหมือนกาวของเมล็ดข้าวที่สุกแล้ว ปลูกมากทางภาคอีสานของประเทศไทยและ ประเทศลาว
ข้าวเหนียวมี 2 สี คือ สีขาวและสีดำ(คนเหนือเรียกว่า"ข้าวก่ำ") แต่ข้าวเหนียวดำจะมีสารอาหาร ที่เป็นประโยชน์มากกว่าข้าวเหนียวขาว สารอาหารที่ว่า คือ โอพีซี"(OPC)มีสรรพคุณช่วยชะลอการแก่ก่อนวัย และความเสื่อม ถอยของร่างกาย โดยสารโอพีซีที่พบในข้าวเหนียวดำ เป็นสารชนิดเดียวกับสารสกัดที่ได้ จากองุ่นดำองุ่นแดง เปลือกสน




บทที่ 3
วิธีการดำเนินโครงงาน
ตารางปฏิบัติกิจกรรมโครงงาน  12-20 มกราคม 2560

สัปดาห์ที่
กิจกรรมที่ปฏิบัติ
สถานที่ทำกิจกรรม
ผู้รับผิดชอบ
1
12 มกราคม 2560
-  เลือกหัวข้อการทำโครงงานและ
นำเสนอครู พร้อมทั้งเหตุผลในการทำ
นำเสนอครูพร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นและให้เหตุผล
ห้องเรียน ห้องการงานอาชีพ
สมาชิกในกลุ่ม
ครูที่ปรึกษา
2
15 มกราคม 2560
-  ทำรายงานเพื่อขอเบิกอุปกรณ์
            ส่วนค่าใช้จ่าย เก็บคนละ  200 บาท
            และแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ
ห้องเรียน  ห้องการงานอาชีพ
สมาชิกในกลุ่ม
ครูที่ปรึกษา
3
17 มกราคม 2560
-  เขียนรายงานโครงงานจัดทำรูปเล่มและทำป้ายโฆษณา  
ห้องเรียน  ห้องการงานอาชีพ
สมาชิกในกลุ่ม
ครูที่ปรึกษา
4
    19 มกราคม 2560
-เตรียมงานเพื่อนำเสนองาน
ห้องเรียน  ห้องการงานอาชีพ
สมาชิกในกลุ่ม
ครูที่ปรึกษา
5
20 มกราคม 2560
-  ลงมือปฏิบัติงาน
  รายงานผลการปฏิบัติงาน
 ลานธรรมอาคารมัธยม
สมาชิกในกลุ่ม
ครูที่ปรึกษา





วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษา
วัสดุ
เนื้อหมู  2 กิโลกรัม 
ซีอิ้วดำ 1/2-1 ชต. 
น้ำตาลปิ้บ 1/2 ถ้วย
 น้ำมันหอย นิดหน่อย 
ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 2-3 ชต 
กระเทียม รากผักชี พริกไทย 2ชต.  
ผสมกันเสร็จชิมดูก่อนว่ารสออกมาแบบไหน ถ้าชอบหวานชอบเค็มก็เต็มเพิ่มลงไป
ข้าวเหนียว 2 กิโลกรัม
อุปกรณ์
1.มีด                        2.เขียง
3.ไม้เสียบลูกชิ้น           4.ถ้วย
5.เตาย่าง                   6.จาน
7.หวดนึ่งข้าวเหนียว       8.หม้อนึ่งข้าวเหนียว 
วิธีการศึกษา
ล้างหมูให้สะอาดแล้วแล่ อย่าบางมากคลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้ว แช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วันค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้ง
หรือเจ้าของสูตรเดิมเขาเสียบไม้ไว้เลยแล้วแช่ฟิต 3 วัน ค่อยเอาออกมาปิ้ง แช่ฟิตจะทำให้หมูนุ่มมาก ๆ
เวลาปิ้งน้ำปรุงที่เหลืออย่าทิ้งนำน้ำกะทิมาผสม ตอนปิ้งก็ใช้น้ำปรุงนี้ทาลงไปที่หมูกำลังปิ้งเพื่อให้หยดลงไปถ่านกำลังร้อน ๆ จะได้มีควันหอม ๆ รมหมูด้วย
นำข้าวเหนียว มาทำความสะอาด ฝุ่นผงต่างๆ ออกไปให้สะอาด จากนั้นนำมาซาวน้ำให้สะอาด แล้วแช่น้ำพักไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง ถ้าข้าวเหนียวเก่า จะต้องแช่น้ำนานกว่านั้นเมื่อแช่น้ำข้าวเหนียวได้ 2 ชม.แล้ว จากนั้นให้เทน้ำออก แล้วล้างน้ำให้สะอาด และสะเด็ดน้ำออกจากนั้นนำหวดนึ่งข้าวเหนียว ช่วงล่างมาแช่น้ำให้เปียก แล้วนำข้าวเหนียว ที่สะเด็ดน้ำออกแล้ว ใส่ลงไปในหวดนึ่งข้าวเหนียวจากนั้นตั้งหม้อนึ่งข้าวเหนียวใส่น้ำลงไป ใช้ไฟแรงๆ แล้วรอให้น้ำเดือดพล่าน จากนั้นจึงนำหวดนึ่งข้าวเหนียว ที่ใส่ข้าวเหนียวไว้แล้ว วางลงไปด้านบนจากนั้นนำฝาหม้อ มาปิดด้านบนข้าวเหนียว แล้วนึ่งข้าวเหนียวไป ใช้เวลานึ่งประมาณ 20 นาที แล้วจากนั้นนำหวดนึ่งข้าวเหนียว มากลับด้านข้าวเหนียว จากข้างล่างกลับขึ้นไปด้านบน แล้วนึ่งต่อไปอีกประมาณ 10 นาทีเมื่อนึ่งข้าวเหนียวครบ 30 นาทีแล้ว ข้าวเหนียวนึ่งจะสุกพอดี จากนั้นตักข้าวเหนียวนึ่ง ใส่กระติบใส่ข้าวเหนียวไว้ แล้วปิดฝาไว้ ข้าวเหนียวนึ่งจะได้ไม่แห้ง
ผลจากการศึกษา
1.  ค้นคว้าข้อมูลประโยชน์ของเหนียว หมูปิ้ง
2.  ค้นหาข้อมูลวิธีทำข้าวเหนียว หมูปิ้ง
บทที่ 4
ผลการศึกษา
1. ได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำข้าวเหนียว หมูปิ้ง
2. สามารถหารายได้เป็นอาชีพเสริมได้




บทที่ 5
สรุปผลการศึกษา
สรุปผลการศึกษา
การทำ โครงงานข้าวเหนียวหมูปิ้งทำให้สมาชิกได้นำเสนอผลงาน โดยขายให้เพื่อนระดับมัธยมศึกษา และคุณครู ได้ชมผลงาน เล่าผลงานให้เพื่อนๆและครูฟัง และได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองและได้ฝึกประสบการณ์หลายอย่าง และได้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่คาด
ประโยชน์ที่รับจากโครงงาน
1.ได้ศึกษาและทำข้าวเหนียว หมูปิ้ง
2.ได้รู้จักการทำข้าวเหนียว หมูปิ้ง
3.ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ข้อเสนอแนะ
ควรทำข้าวเหนียวหมูปิ้งทานเอง เพราะเป็นอาหารที่ทำได้ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัว


บัญชีรายรับ-รายจ่าย

รายรับ
รายจ่าย

ว/ด/ป
ลำดับที่

รายการ
จำนวนเงิน

ว/ด/ป
ลำดับที่

รายการ

จำนวน
ราคา
จำนวนเงิน
หมายเหตุ
12/01/60
1
รับเงินจากเพื่อนคนละ
200บาท
800
12/01/60
1
2
3
4
5
6
7
ข้าวเหนียว
หมู
ไม้เสียบ
ผักชี
กระเทียม
รสดี
ถุงร้อน
2กิโลกรัม
2กิโลกรัม
50ไม้
5ต้น
10กลีบ
1ห่อ
100ใบ
60
240
10
10
10
12
36
60
240
10
10
10
12
36

  

บรรณานุกรม


  
ภาคผนวก